การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ของเหล่าดารานักแสดงผู้มีชื่อเสียงของฮ่องกง

5

อัตราการเสียอากรแสตมป์ 15% สำหรับผู้ซื้อต่างชาติที่ออกโดยรัฐบาลฮ่องกงเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และการเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัวเมื่อต้นปีได้กีดกันชาวจีนที่จะเข้ามาลงทุนเพิ่มในอสังหาริมทรัพย์ของฮ่องกง ในขณะที่เงินลงทุนในอสังหาฯ ของฮ่องกงเกือบ 60% มาจากผู้ซื้อจากจีนแผ่นดินใหญ่ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2011แต่ในไตรมาสแรกของปีนี้สัดส่วนของเม็ดเงินลงทุนจากชาวจีนนั้นลดลงถึง 8.4% ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาราคาอสังหาฯ ในฮ่องกงนั้นปรับเพิ่มขึ้นกว่า 120% นับตั้งแต่ปี 2008 ซึ่งราคาที่ลอยตัวนี้ไม่ได้เกิดจากการทะลักเข้ามาของเม็ดเงินจากนักลงทุนชาวจีนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เกิดจากอัตราดอกเบี้ยต่ำปลอมๆ ที่เป็นผลมาจากค่าเงินดอลล่าของฮ่องกงที่ผูกกับค่าเงินดอลล่าของสหรัฐฯ และภาวะขาดแคลนบ้านอีกด้วย

ทั้งนี้รายงานของสำนักจดทะเบียนที่ดินฮ่องกงได้เปิดเผยว่าราคาอสังหาฯ ในฮ่องกงนั้นไม่ได้ลดลง แต่จำนวนการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์กลับลดลงถึง 54% ในเดือนพฤษภาคมเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว ทั้งนี้เม็ดเงินลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ก็ลดลงถึง 52.4% จาก 65.3 พันล้านดอลล่าฮ่องกงเหลือเพียง 31.1 พันล้านดอลล่าฮ่องกง โดยโบรกเกอร์ในฮ่องกงที่ได้รับผลกระทบจากภาวะธุรกิจซบเซา อันเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของราคาอากรแสตมป์ ต่างออกมาประท้วงให้ยกเลิกการใช้อากรแสตมป์ ซึ่งในระหว่างนั้นนักลงทุนชาวจีนก็หันไปลงทุนในนิวยอร์ค และลอนดอนแทนเสียแล้ว แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงมีนายหน้าต่างชาติ หรือบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ข้ามชาติที่มักมาโปรโมทธุรกิจในงานแสดงที่จัดขึ้นในโรงแรมระดับ 5 ดาวที่ฮ่องกงเกือบจะทุกสัปดาห์ นายอภิชาติ จูตระกูล ซีอีโอของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในไทยอย่างแสนสิริได้ให้สัมภาษณ์กับ ไฟแนนเชียล ไทมส์ ที่งานแสดงที่ฮ่องกงว่า เราเล็งเห็นการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ต่างชาติจากกลุ่มผู้ซื้อชาวจีน โดยในปีที่แล้วมีชาวจีนมาเที่ยวเมืองไทยกว่า 2.7 ล้านคน และก็มีแนวโน้มว่าจะมีมากขึ้นในปีนี้ ผมก็ได้แต่หวังว่าเศรษฐีจีนบางรายจะซื้อคอนโดในภูเก็ต เหมือนๆ กับที่เศรษฐีฮ่องกงหลายคนซื้อกัน

พลอยนุ่น นักแวดงซุปตาร์ว่าที่นักลงทุนอสังหาริมทรัพย์

noo600

“ดารา-นักแสดง” เป็นอาชีพที่ไม่แน่นอน เงินทองได้มาเร็ว ไปเร็ว มักไม่ค่อยเห็นค่า กว่าจะรู้ตัวอีกตัว ผ่านไป 10 ปี ก็ช่วงขาลงซะแล้ว ดังนั้น ดารานักแสดงยุคใหม่ที่มีวิสัยทัศน์และมองการณ์ไกลมักมีความสุขกับการทำเงินให้งอกเงย ด้วยการเลือกลงทุน ฝากเงินในธนาคาร หรือซื้อคอนโดมิเนียมเพื่อเก็งกำไร บางคนรอบคอบขนาดต้องมีที่ปรึกษาด้านการลงทุนกันเลยทีเดียว เพื่อการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด ยิ่งช่วงนี้มีการลงทุนหลากหลายรูปแบบ ทั้งนำเงินไปเล่นหุ้น ลงทุนในทองคำที่มีความเสี่ยงน้อย

ปัจจุบันดารารุ่นใหม่ๆ มีมุมมองต่อโลกมากขึ้น มีความทันสนมัย เริ่มลงทุนตั้งแต่อายุยังน้อย เช่น ซื้อคอนโดมิเนียม เริ่มบริหารเงินตั้งแต่วันนี้ พออายุ 40 ปี ก็จะมีเงินและสินทรัพย์มากมาย ยิ่งเป็นคนรุ่นใหม่ มีช่องทางเก็บเงินเยอะมาก โดยเฉพาะดาราสมัยนี้ตื่นตัวด้านการออมกันมาก ที่ปรึกษาด้านการลงทุนให้ทัศนะลองไปดูสไตล์การเก็บเงินและวิธีทำเงินให้งอกเงยของเหล่านักแสดงระดับซุป’ตาร์เมืองไทย นักแสดงหญิงที่ได้ตำแหน่งนักแสดงที่มีค่าตัวแพงที่สุดติดอันดับ 2 ใน 10 ได้แก่ พลอย-เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์ และคุณนาย นุ่น-วรนุช ภิรมย์ภักดี

กว่าจะเป็นซุป’ตาร์ไม่ใช่เรื่องง่าย
หลายคนให้ฉายานักแสดงสาว “พลอย” ว่าเป็นซุป’ตาร์ขาวีน ความที่เธอเป็นคนตรง ทำงานทุ่มเท ผลงานด้านการแสดงก็แซ่บเว่อร์ ฝีไม้ลายมือด้านการแสดงเกินร้อย จนเธอสามารถครองระดับค่าตัวในการเล่นละครต่อตอนถึงประมาณ 7.5 หมื่นบาทต่อตอน ค่าตัวออกงานอีเวนต์เฉลี่ย 1 แสนบาทขาดตัวต่อครั้ง ค่าถ่ายโฆษณาและพรีเซนเตอร์ประมาณ 6.5 ล้านบาทต่อชิ้น ถึงกระนั้นพลอยก็ปฏิเสธว่าเธอไม่ใช่ซุป’ตาร์ แม้จะโลดแล่นในวงการบันเทิงนานถึง 17 ปีแล้วก็ตาม ปัจจุบันเธอมีผลงานเป็นพรีเซนเตอร์โฆษณามากถึง 8 ชิ้นทีเดียว ซื้อคอนโดมิเนียมที่สุขุมวิท 24 เก็บเอาไว้ ทั้งให้เช่าต่อได้และอยู่เองก็ได้ ตอนนี้กำไร 5 ล้านบาท ครอบครัวพลอยมีอพาร์ตเมนต์ที่สุขุมวิท 22 แต่ตอนนี้รอลงทุนด้วยการรีโนเวตใหม่ทั้งหมด

ซุปตาร์ติดอันดับค่าตัวแพงที่สุดเป็นอันดับ 6 นุ่น วรนุช ค่าตัวในการเล่นละครประมาณ 8 หมื่นบาทต่อตอน ค่าตัวในการปรากฏกายในงานอีเวนต์ประมาณ 9 หมื่นบาทต่อครั้ง และค่าถ่ายโฆษณาและพรีเซนเตอร์สินค้าประมาณ 5.5 ล้านบาทต่อชิ้น นอกจากอาชีพนักแสดงที่หายไปพักหนึ่ง เธอยังมีธุรกิจที่ต้องดูแล ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไปได้ดี การเริ่มทำธุรกิจส่วนตัวครั้งแรกเกิดจากความชอบ จึงเปิดโรงเรียนนาฏศิลป์ แม้เป็นธุรกิจเล็กแต่ก็ทำได้เรื่อยๆ สำหรับธุรกิจคอนโดมิเนียมก็ประสบความสำเร็จ แม้ก่อนหน้านี้จะไม่มีประสบการณ์ด้านธุรกิจคอนโดมิเนียมเลยก็ตาม การเป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหม่ มีข้อเสียเปรียบผู้ประกอบการรายใหญ่ในเรื่องของแบรนด์ ดังนั้น เธอจึงชูจุดขายในเรื่องการสร้างเสร็จก่อนขาย เพื่อให้ลูกค้าได้เห็นของจริงว่าโครงการสามารถพัฒนาไปได้ดี และที่ผ่านมาเมื่อลูกค้าเห็นห้องตัวอย่างจะตัดสินใจซื้อทันที

ในอนาคตหากมีโอกาสพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ก็จะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจเป็น 2 ปีต่อโครงการ โดยเน้นโครงการเล็กๆ ก่อน ขณะนี้นุ่นได้มองหาที่ดินย่านบางบัวทองและลำลูกกา คลอง 1-2 เอาไว้ ซึ่งจะใช้ที่ดินประมาณ 1-2 ไร่ครึ่ง ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา และคงเป็นการใช้แบรนด์ใหม่ แต่ขออุบไว้ก่อน

การใช้ดารามาเป็นพรีเซ็นเตอร์กับธุรกิจอสังหาฯเพื่อกระตุ้นความสนใจของผู้บริโภค

การเลือกใช้บุคคลมาสร้างแบรนด์ให้กับสินค้าและบริการไม่ได้จำกัดอยู่แค่ดาราเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคนดังเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป การเลือกใช้บุคคลเป็นตัวแทนให้กับแบรนด์ย่อมมีทั้งคุณและโทษ หากยึดถือกับตัว Endorsers มากเกินไปจะมีความเสี่ยงมาก โดยกลไกลการเลือกใช้พรีเซ็นเตอร์จึงต้องคำนึงถึงเรื่องของการบริหารแบรนด์เป็นสำคัญ กลยุทธ์ดังกล่าวทำให้แบรนด์สามารถสร้างการรับรู้ต่อตัวผู้บริโภคได้ต่อเนื่อง ใครดังก็มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ แบรนด์ไม่ต้องไปขึ้นกับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่แบรนด์ไหนจะเลือกทำเช่นนี้ได้ ต้องเป็นสินค้าระดับ Mass ที่มีงบการตลาดมากพอ

การเลือกพรีเซ็นเตอร์จึงจำเป็นที่จะต้องเลือกให้เหมาะสมกับตัวสินค้า

ส่วนที่มีความแตกต่าง คือ รูปแบบ วิธีการ ของเรื่องราวที่จะนำเสนอ ซึ่งขึ้นอยู่กับคอนเซ็ปต์ของเจ้าของสินค้าแต่ละรายวงการอสังหาริมทรัพย์ก็เช่นเดียวกัน ช่วงหลังผู้ประกอบการหันมาใช้บริการพรีเซ็นเตอร์ดึงดูดใจผู้บริโภคกันมากขึ้น เป้าหมายก็เพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้กับตัวสินค้า และผลักดันยอดขายให้เป็นไปตามเป้า เพราะมองว่าพรีเซ็นเตอร์คือหนึ่งในเครื่องมือที่จะสื่อสารไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ง่ายที่สุด เนื่องจากพรีเซ็นเตอร์มีส่วนมากๆต่องานขาย หากคุณต้องการกระตุ้นความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย มันเหมือนกับว่าแทนที่จะไปเสนอขายบ้านกับลูกค้าตรงๆ เราก็ให้เขารู้จักสินค้าเราผ่านพรีเซ็นเตอร์แทน วิธีการนี้จะทำให้เขาเข้าใจได้ง่ายขึ้น

กลยุทธ์การตลาดในลักษณะนี้สำหรับธุรกิจอสังหาฯแล้วไม่ได้เป็นสูตรตายตัวที่ทำให้ประสบความสำเร็จในการขาย เนื่องจากสินค้าประเภทบ้านเป็นสินค้าที่มีมูลค่าสูงซื้อขายเปลี่ยนมือได้ยาก ต่างไปจากสินค้าที่ขายอยู่ในซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป ดังนั้น การเลือกบุคคลที่จะมาเป็นตัวแทนจำเป็นต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน และไม่สามารถเปลี่ยนได้บ่อยครั้งเท่าที่ต้องการ ที่สำคัญวิธีการแบบนี้เมื่อนำมาใช้กับธุรกิจอสังหาฯจะช่วยได้แค่การกระตุ้นความสนใจของผู้บริโภคเท่านั้น ซึ่งการวางแผนมีเดียเป็นอีกกลไกที่สร้างความรับรู้ให้กับผู้บริโภคได้ วิธีนี้จะสร้างการรับรู้ให้กับผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น ละครและโฆษณาจะช่วยซัพพอร์ตซึ่งกันและกัน สร้างแรงกระตุ้นให้กับคนดูอยากใช้สินค้าโดยไม่สิ้นเปลืองงบแบบหว่านไปทั่ว

การพิจารณาเลือกใช้บุคคลสร้างแบรนด์อสังหาริมทรัพย์

1.คนดัง เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย หรือสินค้าหรือไม่
2.ต้นทุนหรืองบประมาณ มากพอจะใช้คนดังหรือไม่ เพราะดาราบางคนค่าตัว 5-10 ล้านบาท
3.ความง่ายและยากในการใช้ ต้องไม่มีบุคลิกคุยด้วยยากหรือเงียบเกินไปก็อาจส่งผลกระทบได้ เพราะการใช้พรีเซ็นเตอร์ยุคนี้ให้ได้ผลจะต้องร่วมออกงานอีเวนต์ด้วย แม้ส่วนใหญ่จะมีการเซ็นสัญญาครอบคลุมเรื่องเหล่านี้ก็ตาม แต่หากดาราบุคลิกที่ยากต่อการใช้งานก็จะส่งผลกระทบต่อสินค้าได้
4.ช้ำหรือยัง ต้องไม่เห็นจนน่าเบื่อ
5.ชีวิตความเป็นอยู่ เช่น มีแนวโน้มจะเสพยาเสพติดหรือไม่ เปลี่ยนคนรักบ่อย มีปัญหาในการวางตัว
6.ความน่าเชื่อถือ

นักแสดงกับการผันตัวมาเป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

building 3

นอกจากนักแสดงจะทำงานในวงการบันเทิงแล้ว และปัจจุบันนี้ก็มีนักแดงหลายคนหันหน้ามาทำงานทางด้านธุรกิจ และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็เป็นธุรกิจหนึ่งที่ให้การตอบรับเป็นอย่างมาก เป็นธุรกิจที่กำลังรุ่ง

อสังหาริมทรัพย์เป็นเรื่องของทุกคน เพราะทุกคนครอบครองทรัพย์สิน ไม่ว่าจะเป็นนาแล้ง จนถึงคฤหาสน์ใหญ่โตต่างกันเพียงมูลค่าทั้งสิ้น ทุกคนจึงควรรู้จักอสังหาริมทรัพย์อสังหาริมทรัพย์ มีความสำคัญกับชีวิตของคนเรา ไม่ว่าจะเป็น “บ้าน” ในฐานะที่อยู่อาศัย “ไร่-นา” ในฐานะปัจจัยการผลิต “แฟลต” ในฐานะเครื่องมือสร้างรายได้ ฯลฯ เราจึงควรรู้จักอสังหาริมทรัพย์กันให้ชัดเจน ราคาอสังหาริมทรัพย์นั้นขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจ ในยามเศรษฐกิจตกต่ำ ราคาอสังหาริมทรัพย์ก็ตกต่ำไปด้วย แต่ในยามตกต่ำ เราอาจเคยได้ยินมีผู้เสนอว่า เราควรส่งเสริมการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้เกิดมีงานทำและฟื้นฟูเศรษฐกิจในที่สุด

การเติบโตที่ดีของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และหลายครั้งอีกเช่นกันที่ ปัญหาฟองสบู่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สร้างวิกฤติเศรษฐกิจให้เกิดขึ้น ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปี 2557 เป็นอีกปีหนึ่งที่มีความท้าทายสูงมาก โดยหลายฝ่ายได้ออกมาคาดการณ์ว่าปีนี้ภาคอสังหาริมทรัพย์ มีอัตราการขยายตัวไม่มาก เมื่อเทียบกับปี 2556 ที่เติบโต 7% ด้วยมีหลากหลายด้านปัจจัยลบ ทั้งจากภาวะเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวแบบเปราะบาง ภาระหนี้สินครัวเรือน ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของภาคอสังหาฯ ผนวกกับปัญหาขาดแคลนแรงงาน ผู้รับเหมา ยังคงเป็นวิกฤติต่อเนื่องต่อการเติบโตของภาคอสังหาฯ ขณะที่ปัจจัยบวก มีเพียงอัตราดอกเบี้ยคาดว่าจะทรงตัว และการขยายการลงทุนของต่างชาติ ซึ่งปี 2557 เสมือนเป็นปีแห่งซ้อมใหญ่ของการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปลายปี 2558 ที่จะผลักดันให้เกิดการลงทุนของต่างชาติอย่างเป็นรูปธรรม

ประเภทที่อยู่อาศัยในปี 2557 แนวโน้มตลาดคอนโดมิเนียม จะยังคงเติบโตเป็นผู้นำตลาดเช่นเดิม ครองส่วนแบ่งในตลาดคิดเป็น 55% แต่ราคาเฉลี่ยต่อยูนิตลดลง เนื่องจากโครงการระดับกลาง-ล่าง มีการเปิดตัวมากกว่าปี 2556 ประกอบกับผู้ประกอบการรายใหญ่หลายราย ปรับแผนธุรกิจมาพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมราคาถูกมากขึ้น ขณะที่โครงการคอนโดมิเนียมระดับกลาง-บน คาดว่ายังคงได้รับการตอบรับที่ดี เนื่องจากตลาดกลุ่มนี้ ได้รับผลกระทบจากความผันผวนทางเศรษฐกิจค่อนข้างต่ำ

เพราะฉะนั้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นธุรกิจที่มีความสำคัญ มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว และมีมูลค่าตลาดมหาศาลธุรกิจนี้มีความเกี่ยวเนื่องกับวิวัฒนาการทางสังคมและเศรษฐกิจ จึงทำให้ดารานักแสดงหลายๆคนหันมาสนใจในการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

การเปิดตัวโครงการทางด้านอสังหาริมทรัพย์

 

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีความคึกคักเป็นอย่างมาก ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภูมิภาคจากปัจจัยบวกที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในระดับต่ำ การแข่งขันการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ แต่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ดูเหมือนว่าจะอาศัยการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) เป็นจุดขายมากที่สุดคงไม่พ้น ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาค ซึ่งมีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากจะมีสาเหตุมาจากการเติบโตของกิจกรรมเศรษฐกิจในภูมิภาค และการที่ประเทศไทยกำลังจะก้าวเข้าสู่ AEC ที่มีส่วนช่วยกระตุ้นกิจกรรมการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน สาเหตุอีกส่วนหนึ่งน่าจะมาจากแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของภาครัฐ ซึ่งช่วยเปิดพื้นที่ศักยภาพของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในหลายจังหวัด โดยเฉพาะในตะวันออกเฉียงเหนือและหัวเมืองจังหวัดชายทะเลเช่น ประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน) ชลบุรี และระยอง ซึ่งการพัฒนาที่อยู่อาศัยในจังหวัดเหล่านี้ส่วนหนึ่งนอกจากจะรองรับความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยของคนในประเทศแล้ว ยังเน้นกลุ่มเป้าหมายไปยังชาวต่างชาติที่ต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยรับกระแส AEC เพื่อเป็นการลงทุนและเพื่ออยู่อาศัยด้วย

ในปี 2556 ที่ผ่านมาเป็นปีที่ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จากส่วนกลางได้ขยายการลงทุนไปยังจังหวัดภูมิภาคมากเป็นพิเศษมีผลทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในต่างจังหวัดมีความคึกคักโดยส่วนใหญ่เป็นการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม โดย 2-3 ปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ได้เข้าไปรุกตลาดคอนโดมิเนียมในจังหวัดหัวเมืองเศรษฐกิจของภูมิภาคและเมืองท่องเที่ยวกันอย่างเข้มข้น

สำหรับแนวโน้มการเปิดตัวโครงการใหม่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยในภูมิภาคในปี 2557 คาดว่าจะมีทิศทางชะลอลงจากปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งมาจากผลกระทบทางการเมืองที่ส่งผลให้ผู้ประกอบการชะลอการลงทุน ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคอาจชะลอการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยออกไป นอกจากนี้ยังมีสาเหตุมาจากการที่ในปีที่ผ่านมาผู้ประกอบการทั้งจากส่วนกลางและท้องถิ่นต่างเร่งเปิดโครงการกันอย่างคึกคัก ซึ่งส่งผลให้ในบางพื้นที่มีอุปทานจำนวนมากเกินระดับความต้องการที่แท้จริง และการแข่งขันทวีความรุนแรง ประกอบกับผลจากการเติบโตสูงของตลาดอสังหาริมทรัพย์ผลักดันให้ราคาที่ดินในต่างจังหวัด โดยเฉพาะในเขตเทศบาลปรับตัวขึ้นกว่าเท่าตัวในปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้ราคาที่อยู่อาศัยในหลายพื้นที่ขยับสูงขึ้น

อยากลงทุนคอนโดมิเนียมเพื่อปล่อยให้เช่ามองอย่างไร

อยากลงทุนคอนโดมิเนียมเพื่อปล่อยให้เช่ามองอย่างไร

 

ไม่ค่อยได้มีโอกาสได้หาหนังสือที่เกี่ยวกับความรู้เรื่องของอสังหาริมทรัพย์มาเท่าไหร่ เนื่องด้วยจากว่ายังอยู่เหนือกว่าความสนใจของตนเองนั้น แต่สิ่งที่จำเป็นสำหรับตอนนี้ก็คือผมอยากรู้จังเลยครับว่า ถ้าเราอยากจะลงทุนอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะสินทรัพย์ที่เป็นคอนโดมิเนียมเพื่อการปล่อยเช่านั้น จะต้องมีกระบวนการทำงานอย่างไรบ้าง สำหรับที่จะให้ได้ตอบสนองกันอย่างแท้จริงนะครับว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นอยู่ไม่น้อย

มุมมองในเรื่องของอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ นั้น จำเป็นอย่างมากเลยก็คือการเริ่มต้น จากที่ดูและได้พูดคุยนักขาย-ซื้อ เพื่อการปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์นั้น หลายท่านก็แนะนำให้ศึกษาข้อมูลต่าง ๆ ก่อน และให้ดูมาก ๆ ดูนาน ๆ นั่นเองครับ ซึ่งเรื่องของการปล่อยเช่านั้น ถ้าจะให้ดีจริง ๆ ในเรื่องของการเช่าเพื่ออยู่อาศัยนั้น จะต้องทำการศึกษามาก่อนทุกรูปแบบเลยก็ว่าได้ ไม่จะเป็นเรื่องของสัญญา ซื้อ-ขาย รวมไปถึงหากเราได้ทำการปล่อยเช่า ก็ต้องมาดูสัญญาซื้อ-เช่ากันอีกทีเลยก็ว่าได้นั่นเองครับ

สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนหากว่ามีความสนใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะผู้เริ่มต้น ก็ต้องเริ่มเลยครับ เริ่มเลยครับว่าจะต้องมีการกำหนดกันอย่างไรบ้าง สำหรับเรื่องของการปล่อยให้เช่า เราจะต้องหาความรู้ และสอบถามกับผู้รู้อย่างมากมายและอย่างแน่นอนนั่นเองครับ

ความสำคัญของแผนการเงินก่อนลงทุนในอสังหาริมทรัพย์

ความสำคัญของแผนการเงินก่อนลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
ความสำคัญของแผนการเงินก่อนลงทุนในอสังหาริมทรัพย์

สวัสดีครับเกี่ยวกับเรื่องการลงทุน สิ่งหนึ่งที่ควรทำความรู้จักกับมันให้ดีก็คือเรื่องของ “เงิน” ใช่ไหมหล่ะครับ บางครั้งการลงทุนอะไรก็ตาม โดยเฉพาะการลงทุนที่มีเรื่องราวของความเสี่ยงอยู่ด้วย ปฏิเสธไม่ได้หรอกครับว่าแผนการเงินเฉพาะเรื่องของบุคคลนั้น จำเป็นอย่างยิ่งครับที่จะต้องมี หลาย ๆ คนเข้ามาทำความรู้จักกับคำว่า “ลงทุน” โดยที่ไม่ได้เตรียมพร้อมสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเรื่องของความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการเงินมาก่อน ซึ่งพอเกิดปัญหาแล้วไม่มีสิ่งที่รองรับความเสี่ยงเหล่านั้นไว้ ทำให้เจ็บตัวกันไปต่าง ๆ นา ๆ

สมัยนี้มีเรื่องราวเกี่ยวกับการสอนการวางแผนการเงินส่วนบุคคลมาบ้าง ไม่ว่าจะตามหนังสือ หรือหลักสูตรการเรียน ซึ่งวิชานี้สำคัญมาก ๆ เลยครับ โดยแนวคิดเรื่องของการลงทุน ผมขอสรุปย่อ ๆ คร่าว ๆ ให้ฟังก็แล้วกัน แนวคิดเรื่องการลงทุนแรกเริ่มเนี่ยพอเราเริ่มทำงานมีรายได้ ให้เราบริหารเงินในส่วนนี้ให้ดีเสียก่อนเป็นลำดับแรกครับ เพราะเมื่อเราบริหารเงินในส่วนนี้จนมีเงินเหลือ ก็จะสามารถเก็บเงินได้จำนวนที่มาก เมื่อมีเงินเหลือแล้วขั้นตอนต่อไปให้เก็บไว้ครับ การเก็บในที่นี้ก็คือดูรายจ่ายของเราก่อน เช่นรายจ่ายของเรา 20,000 บาท / เดือน เราก็ควรสำรองไว้อย่างน้อย ๆ  3 – 6 เดือน เป็นอย่างต่ำ ซึ่งก็เป็นเงินประมาณ 120,000 บาท ครับ เงินในส่วนนี้เก็บไว้เลยครับ

พอมีเงินเก็บก้นถุง ต่อมาให้ดูเรื่องการกระจายความเสี่ยงเกี่ยวกับชีวิตครับ ให้เราดูรูปแบบชีวิตว่าเราใช้ชีวิตแบบมีความเสี่ยงไหม ซึ่งแนวคิดการเลือกประกันชีวิตก็ลองไปหาอ่านดูในอินเตอร์เน็ตครับ ลำดับต่อมา พอเราบริหารมีเงินเหลือ เก็บเงินสำรองฉุกเฉินไว้แล้ว ทำประกันไว้แล้ว(ถ้าจำเป็น) ลำดับต่อมาคือการเก็บเงินขึ้นไปอีกครับ หรือให้มองดูว่าจะมีโอกาสตรงไหนบ้าง ที่จะสามารถมีเงินก้อนพอที่จะสร้างอสังหาริมทรัพย์ให้กับเราได้ เช่น ทำบ้านเช่า ทำห้องเช่า หอพัก ซื้อคอนโดปล่อยเช่า ฯลฯ บางครั้งก็อาจจะกู้ แต่ก็ต้องดูครับว่ากู้แล้ว เงินที่ส่งนั้นน้อยกว่ารายได้ที่ปล่อยเช่าจนมีเงินเหลือเข้ากระเป๋าหรือเปล่า จริง ๆ เรื่องเหล่านี้รายละเอียดเยอะมากครับ ไว้ผมจะมาเขียนให้อ่านกันบ่อย ๆ อันนี้กว้าง ๆ กันก่อน